การฉีดฟิลเลอร์หรือที่เรารู้จักกันว่าเป็นสารเติมเต็ม ที่ช่วยเสริมเรื่องการเติมเต็มบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มริมฝีปากให้ดูฉ่ำวาว ดูอวบอิ่ม การเติมหน้าผากให้ดูนูนสวย และฟิลเลอร์ยังสามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้า สภาพผิว เช่น ผิวแห้งขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง หลุมสิวผิวดูไม่เรียบเนียนได้อีกด้วย โดยการเข้าไปฟื้นบำรุง หรือที่เราเรียกกันว่า “Skin Radiance“
Skin Radiance คืออะไร
Skin Radiance คือการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเข้าไปปรับสภาพผิวที่มีปัญหา โดยการเลือกสูตรและยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ซึ่งฟิลเลอร์เราต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นสารเลียนแบบที่มีในเซลล์ผิวธรรมชาติของเรานั่นคือ คือสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้น Hyaluronic Acid หรือ HA ก็จะสลายหายไปตามธรรมชาติ ทำให้สภาพผิวแห้ง และเกิดริ้วรอย ผิวไม่อิ่มน้ำ ไม่เปล่งปลั่งซึ่งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยด้วย โดยการฉีด Skin Radiance จะช่วยเติมเต็ม Hyaluronic Acid ที่หายไปในชั้นผิว ด้วยคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี จะช่วยให้ผิวฉ่ำน้ำมากขึ้น ผิวที่เคยแห้งกลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง ซึ่ง Skin Radiance จะมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นมากกว่าทรีทเม้นท์อื่นๆ เสริมให้ผิวเรียบเนียนอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถฟื้นฟูผิวได้ 4 ระดับ
- Skin Radiance ให้ผิวเผยออร่าอย่างเป็นธรรมชาติ
- Skin Hydration ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว แลดูสุขภาพดี โดยการเติมสารเติมเต็มที่ช่วยอุ้มน้ำเข้าไป
- Skin Rejuvenation ให้ผิวกลับมาสวยใสอีกครั้ง โดยการฟื้นฟูชั้นผิวที่เสื่อมสภาพ
- Pore Minimization ช่วยกระชับรูขุมขนให้ผิวดูเรียบเนียน
Skin Radiance เหมาะกับใคร
Skin Radiance เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสภาพผิว ที่ไม่มีความชุ่มชื้น ผิวขาดน้ำ และมีความหย่อนของผิว โดยตัว Hyaluronic Acid ที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำจะเข้าไปกักเก็บน้ำภายใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึง อ่อนเยาว์อีกครั้ง
- ผิวหน้าแห้ง ขาดน้ำ ขาดการบำรุง
- เริ่มมีริ้วรอยก่อนวัยอันควร มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อย
- ผิวหมองคล้ำ ดูโทรม ไม่เรียบเนียน
- รูขุมขนกว้าง มีหลุมสิว
- ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวบางจุด เช่น พวงแก้มให้ดูเปล่งปลั่ง เพิ่มความ Radiance
- ผู้ที่มีปัญหารอยตีนกา
โดยเนื้อฟิลเลอร์ของ Skin Radiance ที่นำมาฉีดจะมาลักษณะเนื้อละเอียดทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่ตึง จึงเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการฉีดให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะอีกด้วย โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปฟื้นฟูทุกชั้นผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมาดูเปล่งปลั่ง แต่หากในเคสที่มีหลุมสิวกว้างหรือเยอะมากจะแนะนำให้รักษาหลุมสิวด้วยโปรแกรม Scarlet Laser แทน
ภาพ BEFORE-AFTER หลังทำ Skin Radiance
Skin Radiance ฉีดตรงไหนได้บ้าง
การฉีด Skin Radiance สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า เพราะตัวฟิลเลอร์จะเข้าไปฟื้นฟูผิวที่ขาดการบำรุงและมีปัญหา หรือ หากจะเน้นตรงจุดไหนเป็นพิเศษก็ทำได้ เช่น อยากเน้นพวงแก้มให้ดูอิ่มน้ำ สว่าง โดยเฉพาะเนื้อฟิลเลอร์ได้ถูกคิดค้นมาเพื่อให้สามารถฉีดได้ทั่วบริเวณ
- ทั่วใบหน้า เพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ดูอิ่มน้ำ อ่อนเยาว์ ลดความหย่อนคล้อย และริ้วรอยบางๆบนใบหน้าให้ดูตื้นขึ้น
- บริเวณแก้ม หน้าผาก เพื่อฉีดให้ดู Radiance มากขึ้น ให้ดูมีมิติ และปรับรูปหน้าให้ดูโดดเด่น
- ฉีดบริเวณริ้วรอยหางตาให้ดูตื้นขึ้น ช่วยให้ตาดูสดใสมากกว่าเดิม
- ฉีดบริเวณริ้วรอยหรือหลุมสิวตื้น เพื่อให้ดูตื้นขึ้น ริ้วรอยดูจางลง
ข้อดีของการฉีด Skin Radiance
1. ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง เรียบเนียนไปกับผิว
ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด Skin Radiance ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลเล็ก เนื้อเนียน และเบลนด์ไปกับผิว และยังมีการคิดค้นวิธีฉีดที่เหมาะกับการฉีดเพื่อปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน และ เปล่งปลั่งที่สุด
2. ผิวหน้าดูโกลว์ มีมิติ
สภาพผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะเหมือนการเติมน้ำให้ผิวที่ขาดการบำรุง ให้ได้บำรุงอย่างเต็มที่ และยังเป็นการฟื้นฟูเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผลลัพท์ให้หน้าดูฉ่ำน้ำ มีมิติ
3. ใช้ระยะเวลาไม่นาน และ ไม่ต้องพักฟื้น
การฉีดฟิลเลอร์เป็นการเติมเต็มน้ำให้ผิว ไม่ใช่การผ่าตัดดังนั้นไม่จำเป็นต้องพักฟื้น และนอกจากนี้ยังใช้เวลาไม่นาน เฉลี่ย 30-45 นาที
4. ปลอดภัย ไม่เสี่ยง
เพราะ inZ Clinic เราเลือกฟิลเลอร์แท้ มีมาตรฐาน และสั่งจากตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้อง และแพทย์ที่ทำการฉีดก็มีความเชี่ยวชาญ โดยจะวิเคราะห์ปัญหาผิว และแก้ไขได้อย่างถูกต้อง
5. รู้สึกถึงผลจริง ผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจในผลลัพท์
ผู้ใช้บริการพึงพอใจหลังการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับสภาพผิว และรู้สึกถึงผลได้จริงในเรื่องของสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีด Skin Radiance
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ไป อาจจะมีอาการบวมแดงบ้างขึ้นอยู่กับสภาพผิว สภาพร่างกายของแต่ละคน (บางคนแทบไม่บวมเลย) หลังจากนั้นจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
การเตรียมตัวก่อนการฉีด Skin Radiance
- งดวิตามิน อาหารเสริม กลุ่มที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น Vitamin E , น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย ก่อนทำ 2 สัปดาห์
- งดยา แอสไพริน, NSAIDs ก่อนทำ 2 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนทำ
- ไม่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- กรณีมีโรคประจำตัว หรือยาอื่นใดที่ต้องกินเป็นประจำควรแจ้งข้อมูลกับผู้ดูแลก่อน
การดูแลตัวเองหลังการฉีด Skin Radiance
หลังการฉีด Skin Radiance การดูแลตัวเองก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะหากดูแลตัวเองดี ก็ส่งผลให้ระยะเวลาการคงอยู่ของฟิลเลอร์อยู่ได้นานเช่นกัน และยังช่วยลดอาการบวมหลังจากการฉีดได้อย่างรวดเร็ว
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์บริเวณที่ใช้ฟิลเลอร์ 2 สัปดาห์ เพราะเป็นการใช้ความร้อนอาจมีผลต่อฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลาย และทำร้ายผิว เช่น การเผชิญกับแสงแดงจัด กิจกรรมที่สัมผัสกับความร้อนจัด การอบซาวน์หน้า
- ไม่ควรกด นวดคลำ บริเวณที่ฉีด เพื่อกันฟิลเลอร์กระจายตัว
- ดื่มน้ำให้มากๆโดยเฉพาะวันแรกที่ฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน
- งดรับประทานอาหารจำพวกของแสลง หมักดอง อาหารทะเล รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอ
วิธีการหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ที่ฉีด Skin Radiance ปลอม
ปัจจุบันการฉีด Skin Radiance หรือ การฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังมีกลุ่มมิจฉาชีพอาจนำฟิลเลอร์ปลอมมาฉีดให้กับผู้ใช้บริการได้ ดังนั้น ก่อนจะฉีดฟิลเลอร์ ควรที่จะตรวจสอบก่อนว่าฟิลเลอร์ที่ใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่
1. ราคา
ในการตรวจสอบว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ของแท้หรือไม่ สิ่งแรกที่ต้องสังเกตคือเรื่องของราคา หากราคาถูกมากเกินไป อาจเป็นไปได้ว่ามีโอกาสเป็นฟิลเลอร์ปลอมสูง ดังนั้นจึงควรสังเกตเรื่องราคาก่อนอย่างแรก เพื่อให้ไม่เสี่ยงกับฟิลเลอร์ปลอม
2. เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย
คลินิกที่มีมาตรฐาน และมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ส่วนใหญ่จะนำฟิลเลอร์ของแท้มาใช้ ไม่เสี่ยงนำชื่อเสียงมาซื้อของปลอแน่นอน ดังนั้นการดูมาตรฐานของคลินิกก็เป็นสิ่งสำคัญ อย่างเช่น inZ Clinic เลือกซื้อฟิลเลอร์แท้ จากบริษัทใหญ่ในประเทศไทยโดยตรง
3. ฟิลเลอร์ที่ใช้มีเลขทะเบียนอย. มีเลข LOT หน้ากล่อง และมีภาษาไทยกำกับ
หากเช็คแล้วมีครบ ซึ่งเลข LOT หน้ากล่องกับข้างในต้องตรงกัน เบื้องต้นคาดว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้ หรือลูกค้าสามารถโทรไปสอบถามกับบริษัทที่นำเข้าได้
4. ฉีดกับแพทย์ตัวจริง
แน่นอนว่าแพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์ให้เรานั่นก็สำคัญด้วยเช่นกัน หากเป็นหมอปลอมหรือที่เราเรียกกันว่าหมอกระเป๋า ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดความเสี่ยงในการฉีดหรือ ใช้ฟิลเลอร์ปลอม ดังนั้น ควรสอบถามคลินิกว่าแพทย์ที่ฉีดให้เราคือใคร และเป็นแพทย์จริงหรือไม่