ฝ้า VS กระ ต่างกันอย่างไร

                             เมื่ออายุมากขึ้นปัญหาผิวมักจะมีขึ้นมาตาม โดยเฉพาะ ฝ้าและกระที่เห็นได้ชัดโดยเฉพาะคนผิวขาว และยังเป็นปัญหากวนใจที่ใครหลายคนอาจจะยังแยกไม่ออกว่า ปัญหาที่เกิด เป็นฝ้า หรือ กระ เพราะลักษณะบางครั้งก็คล้ายกันมาก จนทำให้เลือกวิธีการดูแลไม่ถูกวิธีจึงทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นมานั้นไม่หายเสียที  เรามาดูกันดีกว่าว่า สองปัญหาผิวนี้ต่างกันอย่างไร และมีวิธีการแก้ไขยังไงได้บ้าง

ฝ้าและกระเกิดจากอะไร

                             สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าและกระ นั่นก็คือ เมลานิน เซลล์สร้างเม็ดสีของเราที่อยู่ใต้ผิวหนังนั่นเอง ซึ่งเซลล์สร้างเม็ดสีนี้เองมีการผลิตเม็ดสีขึ้นมาอย่างไม่สม่ำเสมอ หรือโดนแสงแดดมากเกินไป จะไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง ทำให้เมลานินถูกสร้ามากขึ้นเพื่อซับรังสียูวี ทำให้สีผิวบริเวณนั้นมีสีเข้มขึ้นจนเห็นได้ชัดจนเกิดเป็นฝ้าและกระ

พฤติกรรมที่ทำให้เกิดฝ้าและกระ

1.  โดนแสงแดดบ่อย

แสงแดดคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าและกระ เพราะ แสงแดดมีรังสียูวี ซึ่งจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีใต้ผิวหนังหรือเมลานิน ทำให้เม็ดสีถูกผลิตออกมาในปริมาณมาก และกลายเป็นฝ้าและกระ

2. ไม่ทาครีมกันแดด ไม่ใช้ครีมบำรุงผิว

หลายคนอาจละเลยการทาครีมกันแดดไป เพราะคิดว่าไม่จำเป็น หรือแม้กระทั่งการทำงานในที่ร่ม ก็ละเลยตรงจุดนี้ไป แต่รู้มั้ยว่าครีมกันแดดมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะจะไปช่วยป้องกันรังสียูวีที่มากระทบหน้าเรา สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าและกระ และนอกจากนี้การใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนประกอบอย่างไวท์เทนนิ่งก็ช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าและกระได้เหมือนกัน

3. ความเครียด และพักผ่อนน้อย

เมื่อเกิดความเครียด จะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายขึ้นมา ซึ่งจะไปเร่งการผลิตเม็ดสีเมลานินขึ้นมาใต้ผิวหนังก่อให้เกิดกระขึ้นมา

4. ใช้สครับผิวหน้าและรบกวนผิวมากเกินไป

เพราะการสครับผิวหน้าหรือการใช้อะไรก็ตามที่มีฤทธิ์เป็นกรด จะเป็นการรบกวนผิวหนัง ดังนั้น หากทำมากเกินไป จะทำให้ผิวหนังบางลงเรื่อยๆ เมื่อเจอแสงแดดก็จะทำให้เกิดฝ้าและกระง่ายขึ้นกว่าเดิม

5. การกินยาควบคุมฮอร์โมน

การกินยาบางประเภทที่มีผลต่อฮอร์โมนอาจส่งผลกระทบต่อผิวหน้า ทำให้เกิดฝ้าและกระ เช่น ยาคุมกำเนิด ยารักษาไทรอยด์ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทาน

ฝ้ามีลักษณะอย่างไร

                             ฝ้าจะมีลักษณะเป็นแผ่นปื้นๆ มีสีตั้งแต่อ่อนจนถึงเข้มมาก เป็นสีน้ำตาลหรือเทาเข้ม หรือสีอื่นๆ ขึ้นอยู่ว่าฝ้าที่เกิด เกิดบริเวณผิวหนังชั้นไหน และตื้นลึกแค่ไหน มักเห็นได้ชัดบริเวณโหนกแก้ม เพราะโดนแดดมากที่สุด และมักเห็นชัดในคนผิวขาว

ประเภทของฝ้า

• ฝ้าแดด เป็นปัญหาฝ้าที่เกิดขึ้นได้ง่ายที่สุดเพราะเกิดจากแสงแดด และรังสีหน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรศัพท์ มักมีลักษณะ เป็นรอยคล้ำสีน้ำตาล แดง เทา และหากไม่ได้รับการรักษา หรือไม่ทาครีมกันแดดเพื่อป้องกัน สีของฝ้าแดดก็จะเข้มขึ้นเรื่อยๆ
  
• ฝ้าลึก เกิดจากการที่เมลานินสร้างเม็ดสีมากผิดปกติบริเวณชั้นหนังแท้ ซึ่งได้รับการดูแลรักษายากกว่าฝ้าตื้น มักจะมีสีน้ำตาลอ่อน สีเทา และมักจะกลืนไปกับผิวหน้าเรา ซึ่งฝ้าชนิดนี้ อาจจะต้องพบแพทย์เพื่อดูแลรักษากันต่อไป เพราะการทาครีมอย่างเดียวอาจจะไม่ช่วย
  
• ฝ้าตื้น เกิดจากการที่เมลานินสร้างเม็ดสีมากผิดปกติบริเวณผิวหนังชั้นนอก มักเป็นสีน้ำตาลเข็มหรือดำ และมีลักษณะเป็นปื้นๆชัด สามารถรักษาได้ด้วยครีมทาฝ้า
  
• ฝ้าเลือด มีลักษณะสีแดงปนน้ำตาล หรือมีลักษณะคล้ายเส้นเลือด ฝ้าเลือดเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง ทำให้เส้นเลือดฝอยแตก และกระจุกบริเวณใต้ผิวหนัง ฝ้าเลือดเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การรับประทานยา และการโดนแสงแดดมากเกินไป

ทั้งนี้แต่ละคนก็อาจมีฝ้าหลายแบบหลายชนิด ซึ่งจะต้องค่อยๆดูแลให้ถูกวิธี แต่หากไม่แน่ใจว่าฝ้าที่เกิดเป็นฝ้าประเภทไหน การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวก็ช่วยให้คำตอบได้ดีที่สุด

กระ มีลักษณะอย่างไร

                             ลักษณะของกระ จะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆที่อาจมีสีอ่อนหรือเข้มกว่าสีผิวปกติ ซึ่งจะแตกต่างจากฝ้าที่มีลักษณะเป็นแผ่นปื้น ดังนั้น ตรงจุดนี้เรียกได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดของฝ้าและกระ

ประเภทของกระ

• กระลึก  มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ เป็นกระที่อยู่ใต้ชั้นผิวลึก มักพบบริเวณโหนกแก้มมาที่สุด โดดยกระชนิดนี้ จะรักษายาก อาจจะต้องใช้เลเซอร์เข้ามาช่วยในการรักษา
  
• กระตื้น เป็นกระที่พบได้บ่อยในคนผิวขาว จะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆที่มีสีเข้มหรืออ่อนกว่าผิวหนัง แต่ส่วนใหญ่เป็นสีน้ำตาล เกิดจากการที่โดนแสงแดดเป็นเวลานาน ซึ่งหากหลีกเลี่ยงแสงแดดแล้ว มีโอกาสที่จะจางได้เอง
  
• กระแดด เป็นกระที่เกิดจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน มักเกิดในวัยผู้ใหญ่มากกว่าวัยรุ่น มักมีลักษณะเป็นดวงสีน้ำตาลเข้ม ผิวเรียบ
  
• กระเนื้อ  เป็นกระที่มักเกิดจากพันธุกรรม มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อเล็กๆนูนออกมาจากผิวหนังมักมีสีน้ำตาล สีดำ มักเกิดขึ้นตามใบหน้าหรือคอ โดยกระชนิดนี้สามารถเลเซอร์ออกได้ และมีโอกาสน้อยที่เกิดรอยแผลเป็น

วิธีแก้ปัญหาฝ้าและกระ

• ทาครีมกันแดด  เพราะการทาครีมกันแดดจะช่วยป้องกันรังสี UV ที่เข้ามากระทบผิว ดังนั้น การทาครีมกันแดดให้ถูกวิธี และทาสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องที่ควรมองข้ามไม่ได้ ซึ่งการทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันฝ้าและกระอย่างถูกวิธีคือ ควรทาครีมประมาณ 1 ช้อนชาหรือ 2 ข้อนิ้วมือ สำหรับทาทั่วหน้าและลำคอ และทาซ้ำเมื่อต้องออกกลางแจ้งแป็นเวลานาน
  
• พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์  การพักผ่อนให้เพียงพอ และการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระจะช่วยให้ลดการสร้างเม็ดสี ทำให้ฝ้าและกระเกิดยากขึ้น
  
• เลือกครีมที่มีมาตรฐาน เลือกครีมที่มีส่วนผสมจากไวท์เทนนิ่ง หรือ มีส่วนผสมจากวิตามินเอ จะช่วยให้ฝ้าและกระจางลง แต่ทั้งนี้ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้วย เพราะการเลือกเองนั้น อาจจะเลือกครีมที่มีฤทธิ์แรงทำให้ผิวหน้าแสบและแดง
  
• ผลัดเซลล์ผิว เป็นการใช้สารที่มีความเป็นกรด ช่วยเร่งการผลักสีผิวภายนอก แต่ ก็มีข้อเสียคือ ถ้าทำมากเกินไป อาจทำให้ผิวหนังและเป็นฝ้าและกระง่ายกว่าเดิม
  
• เลเซอร์ วิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันและเห็นผลจริงคือเลเซอร์รักษาฝ้าและกระ ซึ่งมีหลายรูปแบบและรักษาได้รวดเร็วกว่า ยกตัวอย่าง CELLEC V LASER เลเซอร์หน้าใส ที่จะช่วยไปลดเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ฝ้าและกระจางลง

CELLEC V LASER คืออะไร ?

                             เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ IPL ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นเก่าหลายเท่า มีแสงความเข้มข้นสูงที่ส่งพลังงานผ่านผิวเพื่อ แก้ไขข้อบกพร่องของผิวได้อย่างปลอดภัย สำคัญคือสามารถเลือก Mode ในการรักษาให้เหมาะกับปัญหาผิวที่ของแต่ละเคส ทำให้รักษาได้อย่างถูกจุด ซึ่งพลังงานที่ส่งลงไปใต้ชั้นผิวจะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส เรียบเนียน รูขุมขนดูกระชับขึ้น กำจัดสิว ฝ้า กระ จางลง

CELLEC V LASER ลดฝ้ากระ ได้อย่างไร

การทำงานของ CELLEC V LASER  จะช่วยมีโหมดการทำงาน 3 รูปแบบที่สามารถช่วยลดฝ้าและกระให้จางลงดังนี้
Mode 1 : IAL เป็นการกำจัดเม็ดสี melanin
เพื่อกำจัดเม็ดสีที่ก่อให้เกิดความหมองคล้ำ และรอยจุดด่างดำต่างขั้นตอนนี้จะยิงทั่วหน้า
Mode  2 : ACNE กำจัดสิวอั  กเสบ ลดรอยดำแดงจากสิว
จะยิงเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ทำลายสารที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบ และยังช่วยลดรอยดำ,แดงที่เกิดจากสิวด้วย
Mode 3: Photo-Shower กระตุ้นคอลลาเจน และปรับสีผิว
ขั้นตอนนี้จะเป็นการช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระจ่างใสขึ้น จะเป็นการยิงโดยเว้นระยะห่างจากผิวเล็กน้อย (ไม่สัมผัสโดนผิว)