คุณจอย แก้ไขตาสองชั้นเทคนิคกรีดยาว และเปิดหัวตา
สวัสดีค่ะ วันนี้จอย อยากจะมาแชร์ ประสบการณ์ในการทำตาครั้งที่ 2 ก่อนอื่นต้องบอกเลยเคยทำตามาก่อนค่ะ ซึ่งที่ทำครั้งนั้นตัดสินใจทำเพราะมีคนแนะนำ โดยส่วนตัวเองไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อนทำซักเท่าไหร่ ซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่ได้พังอะไรมากนะคะ แต่ว่ารู้สึกชั้นตาไม่เท่ากัน และทรงตายังไม่ถูกใจเท่าที่ควร ก็ใช้ชีวิตโดยการติดสติ๊กเกอร์ตา 2 ชั้นมาโดยตลอดหลังจากทำตาครั้งแรก แต่ติดแค่ข้างเดียวนะคะ เพื่อให้ชั้นตาเทากับอีกข้าง ซึ่งพอติดนาน ๆ ก็ไม่ไหวแล้วคร่า ไหนจะต้องแต่งหน้า ไหนจะต้องมากะสติ๊กเกอร์ชั้นตาอี๊ก รู้สึกว่าเสียเวลากับการแต่งหน้ามาก และทำให้หนังตาเริ่มตกจากการที่เรายืดสติ๊กเกอร์ตา2ชั้นออก จึงตัดสินใจที่อยากจะทำตาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็ศึกษาหาข้อมูลการทำตาด้วยตนเอง ทั้งรีวิว เทคนิค และข้อมูลของหมอที่เราสนใจ ซึ่งก็ตัดสินใจทำกับหมอหลิน ที่ INZ CLINIC โดยเหตุผลแรกที่ตัดสินใจเลยคือ 1. หมอเป็นจักษุแพทย์ 2. สไตล์การออกแบบชั้นตาของคุณหมอ 3. เทคนิคการทำตาของคุณหมอ 4. รีวิวจากเว็บบอร์ดต่าง ๆ ของคนที่ไปทำมาจริง ๆ
ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง คิวคุณหมอยาวมาก ๆ จองล่วงหน้า 4 เดือนเลยทีเดียว ค่ะ ก่อนหน้านั้นได้ปรึกษากับคุณหมอทางไลน์ของคลินิกโดยการส่งรูปประเมินราคา และเทคนิค ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทางไลน์ได้ส่งรูปให้หมอประเมิน แล้วจึงมาแจ้งเทคนิคในการทำ คือ หมอแนะนำให้แก้ชั้นตา โดยการกรีดยาว และ เปิดหัวตา ซึ่งจะต้องมีการเลาะผังผืดเดิมที่เคยทำตามาก่อน และออกแบบชั้นตาใหม่ ก็ตัดสินใจและจองคิวไว้เลย สำหรับจอยเองได้พบหมอวันทำเลยค่ะ เพราะไม่สะดวกมาปรึกษาก่อนทำ ในวันทำตาหมอหลินน่ารักมาก ๆ จะมีถามถึงความต้องการของเรา ซึ่งจอยก็นำแบบตาที่ชอบไปให้หมอประเมิน เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบชั้นตาชัด เพราะเป็นคนที่ชอบแต่งตา ซึ่งหมอเองก็จะบอกหมดเลยว่าอันไหนทำได้ อันไหนทำไม่ได้ แล้วก็จะบอกข้อจำกัดของตาเราก่อนทำมีอะไรบ้าง โดยปัญหาตาที่หมอวิเคราะห์เลยคือจอยเองมีเนื้อหัวตาที่งุ้มปิด ซึ่งเนื้อตรงนี้จะเป็นตัวที่กำหนดขนาดความสูงของชั้นตา ซึ่งถ้าไม่เปิดหัวตาชั้นตาที่ได้จะไม่สูงมาก และสาเหตุที่ตาไม่ท่ากันก็เกิดจากชั้นตาหลุด คุณหมอจึงจะแก้และออกแบบชั้นตาใหม่ ซึ่งจอยเองก็บอกหมอว่าถ้าเปิดหัวตา ขอเปิดแบบไม่เอาสายฝอเพราะยังอยากมีความหมวยแบบเกาๆ อยู่ ซึ่งหมอก็เข้าใจความต้องการและบอกว่ายังไงหน้าจอยก็ไม่เหมาะกับชั้นตาสูงเพราะเป็นคนคิ้วต่ำ และกระดูกเบ้าตานูน ถ้าทำชั้นตาสูงจะดูแก่ หลอก และไม่เป็นธรรมชาติ และจอยเองก็บอกหมอว่าชอบแต่งหน้านะคะ ถ้าทำเล็กกลัวว่าแต่งตาแล้วจะไม่เห็นเครื่องสำอาง หมอก็ให้นิยามว่าว่าทำชั้นเล็กแต่ชัด แต่งหน้าก็ยังสวย ส่วนหัวตาที่หมอจะเปิดให้จะเปิดแบบเล็ก ๆ แบบเกาหลี ๆ ซึ่งจอยก็หารูปของดาราที่ชอบมาให้หมอประเมินด้วย จะเป็นรูปของคุณแต้ว (เจ้าแม่นาคี) กับคุณมะปราง (แม่หญิงจันทร์วาด) ซึ่งหมอบอกเลยว่าทำแบบเค้าไม่ได้นะคะ เพราะโครงสร้างกระดูกตาจอยไม่เหมือนกับในแบบ เราก็ใจแป้วไปนิด กลัวทำแล้วจะไม่สวยไม่ถูกใจ ก็คุยกับหมอว่าถ้าขนาดชั้นตาแบบเค้าไม่ได้ ขอหัวตาที่จะเปิดเป็นทรงแบบนี้ได้ไหมคะ หมอดูแล้วก็บอกโอเคได้ แต่ชั้นตาไม่เหมือนเค้านะ ซึ่งจอยก็บอกหมอว่าเอาตามที่หมอเห็นสมควรเลย ขอแค่ทำแล้วเท่ากัน ไม่ต้องติดเทปตาสองชั้นแล้ว และแต่งหน้ายังสวย ซึ่งหมอหลินก็เข้าใจไอเดียของเรา ก็ไปเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการผ่าตัด นั่นก็คือการจ่ายตัง ตัวเบาเลยค่ะ 55 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็มีการแนะนำถึงการดูแลตัวเองหลังทำด้วยค่ะ
รูปก่อนทำตา
บรรยากาศในห้องผ่าตัดก็แอบตื่นเต้นเบา ๆ ก่อนเข้าห้องผ่าตัดก็แอบมูเตลูนิดนึง 55 กลัวทำแล้วไม่สวยอีก ซึ่งหมอน่ารักมากเลยชวนคุยกันตลอดคลายกังวลไปมาก เจ็บแค่ตอนฉีดยาชาอารมณ์เหมือนทำฟันเลยค่ะ ระหว่างทำก็จะให้เราหลับตา ลืมตา ตลอดเวลาเพื่อดูว่าที่ทำเป็นยังไงบ้าง ซึ่งก็จะมีกลิ่นเหมือนปิ้งย่างเบาๆ ก็ถามหมอเหมือนกันว่าคือกลิ่นอะไร หมอก็บอกว่าเป็นกลิ่นเครื่องจี้เลเซอร์ (ท้าวความไปถึงตอนส่งรูปประเมิน เจ้าหน้าที่ก็จะบอกการผ่าตัดของที่ INZ CLINIC จะใช้เลเซอร์ร่วมกับเครื่องมือผ่าตัดชนิดพิเศษที่นำเข้าจากประเทศเยอรมัน) ของจอยใช้เวลาทำประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ตอนทำคือไม่รู้สึกว่านานเลย เรามาดูรูปหลังทำทันทีกันดีกว่าค่ะ
(รูปหลังทำทันที แต่ถ่ายตอนมาถึงบ้านแล้วนะคะ)
สภาพหลังทำตาเสร็จ บวมเลยค่ะ มีตามัวเล็กน้อย ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ จะออกเป็นแสบๆ ที่แผลซ๊ะมากกว่าค่ะ ก็ไม่น่ากลัวเท่าครั้งแรกเลย ช่วยเหลือตัวเองได้ มองอะไรได้ปกติ ไม่ถึงขนาดต้องปิดตากลับบ้านนะคะ การเย็บแผลถือว่าดี ละเอียดมาก ๆ เลยค่ะ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ มีเลือดซึม ๆ เล็กน้อย ดูรีวิวมาเยอะก็จะแอบกลัวบ้าง ดูจากรีวิวหลายๆคนก็มีทั้งบวมและไม่บวม บางคนก็ไม่ค่อยมีเลือดเท่าไหร่เลย หลังจากออกจากห้องผ่าตัดก็จะมาพักที่ห้องดูอาการประมาณ 20-30 นาที และจึงรับยากลับบ้าน พอถึงบ้านก็ ทานข้าว อาบน้ำ และประคบเย็น เพื่อลดบวมค่ะ
รูปหลังทำวันที่ 1
ผิดคาดมากจากที่คิดไว้ แผลไม่มีความเจ็บเลย ยาแก้ปวดที่ได้มาก็ไม่ได้กินเลยค่ะ ส่วนแผลนั้นถือว่าบวมในระดับนึงที่รับได้ค่ะ ตึง ๆ และลืมตาได้ไม่ค่อยขึ้น อาจจะเพราะแผลบวมเลยทำให้รู้สึก หนัก ๆ วันนี้จอยก็ลางานเพื่อพักฟื้นอย่างเต็มที่ จะเน้นเป็นประคบเย็น กับทานอาหารเสริมที่ช่วยลดอาการบวมช้ำ จอยจะใช้แผ่นประคบแบบเจลแล้วห่อทิชชู่ประคบที่แผลเลยค่ะ ครั้งนึงก็ประมาณ 20-30 นาทีได้ค่ะ แต่จะทำบ่อยมาก ๆ ทั้งวันเลย บางครั้งก็เผลอหลับไปเลยก็มี 55 แล้วก็จะมีการทำความสะอาดแผลค่ะ 2 เวลา เลย เช้า กับ เย็นค่ะ
หลังทำวันที่ 2
ไม่ค่อยเจ็บแผลแล้วค่ะ แต่ยังบวม ๆ อยู่ ตึงไปหมด ลืมตาไม่ค่อยขึ้นเลย ถือว่าไม่ระบมมากเลยถ้าเทียบกับตอนทำครั้งแรก สามารถใช้สายตาได้ปกติเลยค่ะ วันนี้ก็พักประคบอยู่บ้าน แต่ก็มีแอบใส่แว่นดำไปซื้อข้าวกินเอง ชิว ๆ ค่า ซึ่งก็แอบกังวลกับทรงตาอยู่นะคะ เพราะบวมในแบบที่คิดไม่ออกเลยว่าถ้ายุบแล้วจะเป็นทรงตาแบบไหน
หลังทำวันที่ 3
วันนี้เลือดไม่ค่อยมีแล้วค่ะ ก็ยังคบเน้นประคบเย็นต่อค่ะ เช็ดแผลเช้าเย็นเหมือนเดิม แผลไม่เจ็บเลยค่ะ แต่แผลบวมมากเลยชั้นตาดูเป็นจีบ ๆ แปลก ๆ ซึ่งจะไม่เหมือนกันเมื่อเทียบกับตาทั้ง 2 ข้าง แอบกังวลมาก ก็ได้มีการถามทางเจ้าหน้าที่เพื่อส่งรูปให้หมอดู แจ้งว่าแผลยังบวม เราก็รอลุ้นตอนยุบบวมค่ะว่าตรงจีบๆ จะหายมั๊ย
หลังทำวันที่ 4
หลังทำวันที่ 5
หลังทำวันที่ 6
หลังทำวันที่ 7
วันนี้ครบกำหนดนัดตัดไหมค่ะ อยากล้างหน้า มาก ๆ เลย มาถึงคลินิกทางพยาบาลผู้ช่วยจะเป็นคนตัดไหมให้ค่ะ ตอนตัดไม่เจ็บเลยค่ะ แต่ก็แอบคัน ๆ บ้างค่ะ พอตัดเสร็จรู้สึกโล่งตาเลยค่ะ ไม่ตึงที่แผลแล้ว แต่ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ หลังจากตัดไหมเสร็จหมอก็จะดูแผลให้ค่ะ หมอแจ้งว่าแผลไม่ค่อยแห้งดีเท่าไหร่ ยังแดง ๆ อยู่ หมอจึงสั่งให้ทายาฆ่าเชื้อต่อ แต่สามารถล้างหน้าได้แล้ว แต่ยังคงงดแต่งตาต่ออีก 7 วันค่ะ สำหรับการใช้ชีวิตหลังตัดไหม ทรงตายังบวมอยู่ค่ะ ยังดูไม่ค่อยออกเท่าไหร่ แต่ดูแล้วความโค้งของชั้นตาสวยมาก ดูใกล้เคียงกันมากเลย ซึ่งก็ใช้ชีวิตปกติเลยค่ะ ทานอาหารตามปกติ แต่จะยังไม่แต่งตาค่ะ เพราะยังไม่อยากให้เครื่องสำอางไปอุดตันแผล ก็ยังคงประคบเย็นลดบวมอยู่นะคะ ซึ่งจะประคบตอนเช้าค่ะ เหลือแค่เวลาเดียว เพราะรู้สึกว่าตาจะบวมในช่วงเช้า
รูปอัพเดทตา 1 เดือน มีความรู้สึกว่า ตายังดูลึก ๆ ไม่เป็นธรรมชาติเลยค่ะ ยุบประมาณ 60% แต่สำหรับใครที่ชอบชั้นตาใหญ่ ๆ ชัด ๆ คาดว่าคงจะชอบตัวเองตอนนี้ ซึ่งยังมีความตึงที่แผลเวลาที่เหลือกตากรอกมองบน และมีเจ็บแปรบ ๆ เป็นช่วง ๆ ค่ะ
รูปอัพเดทตา 2 เดือน ค่า แอบลองเทียบกันก่อนทำกับหลังทำ นอกจากตาจะบวมแล้ว ปากก็บวมด้วย 55
อัพเดทหลังทำ 3 เดือน ค่า บอกเลยว่าชอบช่วงนี้มาก ๆ คือยังบวมแต่บวมในแบบที่กำลังสวย(อวยตัวเอง55) แต่งตาก็ง่ายขึ้น ปัดขนตา อายไลเนอร์เบา ๆ ก็ดูแบบตาหวานมาก ๆ แอบคิดว่าไม่อยากให้ชั้นตายุบเลย 55
อัพเดทภาพหลังทำปัจจุบัน และความรู้สึกหลังทำตากับหมอหลิน ที่ Inz Clinic
ก็สำหรับการทำตาครั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน ถือว่าโดยรวมแล้วค่อนข้างพอใจ อาจจะไม่ได้ 100% ตาแบบที่อยากได้ แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงมาก ๆ ค่ะ เทียบกับรูปของแบบชั้นตาที่จอยเลือกให้หมอทำ จะเป็นรูปของคุณแต้ว ณฐพร โดยข้อจำกัดของจอยนั้นเป็นคนตาเล็ก และมีโหนกกระดูกคิ้วที่นูน และพื้นที่ช่วงคิ้วกับตาของจอยกับแบบที่จะทำไม่เหมือนกัน แต่หมอก็แก้ไขและออกแบบชั้นตาให้อยู่ในแนวเดียวกับแบบที่จะทำ โดยทำให้ชั้นช่วงหัวตาไม่หักมุดเหมือนก่อนทำ และค่อย ๆ ไล่ขนานกันนออกมาตามแบบที่ชอบเลยค่ะ ซึ่งจะดูไม่ใช่ขนานแบบสาย ฝ แต่ยังคงความหมวยแบบสาวเกาหลี และขนาดของชั้นตาก็โค้งไปกับทรงกระดูกตา ช่วงหางตาจะไม่ได้เชิดขึ้นตาแบบเท่าไหร่ ถือว่าขนาดชั้นตาทั้ง 2 ข้างมีความใกล้เคียงกันม๊าก มาก (สำหรับบางคนอาจจะไม่ชอบทรงที่โค้ง กลม เหมือนของจอย) และที่สำคัญแต่งหน้าง่ายมาก และไม่ต้องคอยติดสติ๊กเกอร์ตา 2 ชั้นอีกแล้วคร่า ถือได้ว่าบอกลาสติ๊กเกอร์ไปเลย ชั้นตาดูมีความเป็นธรรมชาติ รอยแผลก็ถือว่าเนียนมาก ๆ โดยรวมแล้วถือว่าประทับและประสบความสำเร็จในการทำตาครั้งนี้มากค่ะ สวยปัง ไม่พังคร่า
ลองแต่งแนวไอดอลเกาหลี เพื่อนบอกแอบมีความคล้ายแทยอนเบา ๆ รูปถ่ายถ่ายหลังทำประมาณ 3-4 เดือนค่ะ
ภาพก่อนและหลังแก้ไขตาสองชั้น
เทียบรูปตอนแต่งตา ก่อนทำ และหลังทำ ปัจจุบัน 10 เดือนค่ะ ตอนแรกก็ไม่คิดนะคะว่าทำตาแล้วเปลี่ยน เพราะเราเองมองหน้าตัวเองในกระจกทุกวัน แต่พอเอารูปมาเทียบกันเท่านั้นแหละ ฮืม…. ความแตกต่างก็คงต้องให้ภาพเล่าเรื่อง 55 ชั้นตาเข้าที่แล้วโดยรวมถือว่าธรรมชาติมาก ๆ คนที่ไม่รู้จักกันคือดูไม่ออกเลยว่าทำตามา หน้าสดก็ยังมั่นใจ และช่วงนี้ก็ใสหน้ากากกันด้วย ซึ่งแน่นอน เวลาเจอคนส่วนแรกที่เค้าจะมองก็น่าจะเป็นตา ซึ่งจอยเองก็มั่นใจมากบางวันอยากแต่งหน้าก็แต่ง บางวันหน้าสดตาก็ยังสวย Happy สุด ๆ ไปเลยคร่า
ภาพก่อน – หลังแก้ตา