9 ผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัว แก้ได้ง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติ

           สิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่น คือ การมีสายตาหรือการมองเห็นที่ชัดเจน เนื่องจากหากเกิดความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นไม่ชัด สายตาพร่ามัว หรือถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น อาจทำให้ชีวิตเรายากลำบากเหมือนเป็นฝันร้ายเลยก็ว่าได้ ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

           การบำรุงรักษาสายตาให้แข็งแรงอยู่เสมอ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และไม่ควรถูกมองข้าม โดยการดูแลรักษาด้วยตนเองนั้น สามารถทำได้ไม่ยาก ด้วยการเลือกรับประทานผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวที่อุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ แล้วผลไม้บำรุงสายตา มีอะไรบ้าง ? บทความนี้ได้รวบรวม 9 ผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวไว้ให้แล้ว มาดูกันเลย

ผลไม้ตระกูลมะม่วง

           ผลไม้ตระกูลมะม่วง เป็นผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวชั้นดี โดยสามารถแบ่งชนิดได้เป็นมะม่วงสุก และมะม่วงดิบ แต่ถึงแม้มะม่วงสองชนิดนี้ จะมีเนื้อสัมผัส กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกัน แต่ก็ล้วนมีคุณประโยชน์ช่วยในการบำรุงสายตาของเรา

• มะม่วงสุก หรือมะม่วงผลสีเหลืองที่มีรสชาติหอมหวาน เนื้อสัมผัสนุ่ม ถูกนิยมนำมารับประทานเป็นของหวานขึ้นชื่อของไทยอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง โดยมะม่วงชนิดนี้ อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินอี  ลูทีน ซีแซนทีน และเบต้าแคโรทีน ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา ช่วยในการมองเห็น กรองแสงยูวีจากดวงอาทิตย์ และแสงสีน้ำเงินจากหน้าจอสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงยังช่วยยับยั้งความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการตาเหลือง นับว่าเป็น ผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวที่มีสรรพคุณมากมายเลยทีเดียว

• มะม่วงดิบ หรือมะม่วงผลสีเขียวที่มีรสชาติหวานมัน อมเปรี้ยว เนื้อสัมผัสกรอบต่างจากมะม่วงสุก โดยมะม่วงชนิดนี้ อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงสายตาในการมองเห็น และปกป้องดวงตาจากรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดต้อกระจก 

           การรับประทานผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัว ตระกูลมะม่วงเป็นประจำ นอกจากจะช่วยบำรุงสายตาแล้ว ยังช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น บำรุงผิวพรรณ และเส้นผม เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย อย่างไรก็ตามควรบริโภคในปริมาณที่พอดี เนื่องจากมะม่วงสุกมีน้ำตาลสูง อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น

แครอท

แครอท เป็นแหล่งรวมของวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการมองเห็นในที่มืด ป้องกันการเกิดโรคตาบอดกลางคืน รวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจก และโรคจุดรับภาพชัดที่จอตาเสื่อมหรือโรคที่สามารถนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ อีกทั้งยังมีลูทีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของเม็ดสีที่จุดภาพชัด ส่งผลให้จอประสาทตาได้รับการปกป้องที่มากยิ่งขึ้น

มะละกอ

ผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวอีกชนิดหนึ่งที่เป็นแหล่งรวมของวิตามินเอ ซี อีและเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงสายตาในการมองเห็น และบำรุงระบบประสาทตา ส่งเสริมการทำงานของจอประสาทตา ช่วยในการมองเห็นตอนกลางคืน ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก และโรคตาบอดกลางคืนเช่นเดียวกับมะม่วง และแครอท

แตงโม

ทุกคนรู้หรือไม่ว่า ‘แตงโม’ ผลไม้ที่ใครหลาย ๆ คนชอบรับประทานในช่วงหน้าร้อน นอกจากจะให้ความสดชื่นแล้ว ยังเป็นผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวอีกด้วย แตงโมเป็นผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำของร่างกายที่อาจนำไปสู่อาการตาแห้ง รวมถึงอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี สารอาหารบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ช่วยลดโอกาสการเกิดต้อกระจก และไลโคปีน ช่วยในการมองเห็นในที่มืด ป้องกันการอักเสบที่เยื่อบุตา

ส้ม

ส้ม ผลไม้วิตามินซีสูง เป็นผลไม้บำรุงสายตา แหล่วงรวมของสารต้านอนุมูลอิสระ การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอต่อร่างกาย ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ (AMD หรือ age-related macular degeneration) ที่ก่อให้เกิดการมองเห็นไม่ชัด รวมถึงมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคตาบอดกลางคืน และส้ม ยังเป็นผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวที่หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงอีกด้วย

กล้วย

กล้วย ผลไม้ยอดฮิตของคนลดน้ำหนัก อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ลูทีน ซีแซนทีน และอัลฟาแคโรทีน ช่วยบำรุงระบบประสาทตา ช่วยป้องกันการมองเห็นที่ไม่ชัด ถือว่าเป็นผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวได้อย่างดี และมีโพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยรักษาความสมดุลของระดับน้ำในร่างกาย ช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับดวงตาของเรา

แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ล อีกหนึ่งผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี สารต้านอนุมูลอิสระ และเส้นใยอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับดวงตา พัฒนาการมองเห็น ลดความเสี่ยงต่อปัจจัยที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็น มากไปกว่านั้นผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวอย่างแอปเปิ้ลยังช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนัก  ลดความดันโลหิต และความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย

มะเขือเทศ

นอกจากมะเขือเทศจะอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี และเคที่ช่วยบำรุงสายตา ยังมีไลโคปีน ลูทีน เบต้าแคโรทีนหรือสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดด ลดโอกาสการเกิดต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อมที่อาจนำไปสู่อาการตาบอดได้ด้วยเช่นกัน

กีวี

ผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวอีกชนิดหนึ่งที่เป็นแหล่งรวมของวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ นั่นก็คือ กีวี ผลไม้รสชาติหวานอมเปรี้ยว ช่วยป้องกันโรคตาบอดกลางคืน ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา และภาวะเบาหวานขึ้นตา

วิตามินที่สำคัญจากผลไม้ที่ช่วยบำรุงสายตา ไม่ให้พร่ามัว

           เมื่อเรารู้ถึงคุณประโยชน์ของผัก ผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวข้างต้นแล้ว มาเจาะลึกถึงวิตามินสำคัญที่เป็นส่วนประกอบในผัก ผลไม้บำรุงสายตาเหล่านั้นกันว่า วิตามินแต่ละชนิด มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

วิตามินเอ

ใครที่ต้องการจะบำรุงสายตาคงพอทราบกันดีว่า วิตามินเอ เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพดวงตาของเราเป็นอย่างมาก เนื่องจากวิตามินเอที่สามารถพบได้ในผัก ผลไม้บำรุงสายตาสีส้ม เหลือง เขียว เช่น แครอท มะละกอ มะม่วง มีสรรพคุณช่วยในการรักษาปกป้องกระจกตา ช่วยให้ความสามารถในการมองเห็นในที่มืดดีขึ้น และเสริมสร้างการทำงานของจอประสาทตา หากร่างกายขาดวิตามินเอ อาจทำให้เกิดอาการตาบอดกลางคืนได้

วิตามินซี

การรับประทานผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี สับปะรด มะม่วง จะช่วยป้องกันการเกิดโรคตาจากความเสื่อมสภาพ เช่น โรคต้อกระจก ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้การมองเห็นพร่ามัว อีกทั้งผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวที่อุดมไปด้วยวิตามินซีเหล่านี้ ยังป้องกันอาการตาแห้ง ตาแดง และเสริมสร้างภูมิต้านทานได้อีกด้วย

ลูทีน และซีแซนทีน

สารอาหารที่พบได้ในผักใบเขียว ผลไม้สีแดง เหลืองอย่างลูทีน และซีแซนทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณในการปกป้องดวงตาจากรังสียูวี ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินจากหน้าจอสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยการบริโภคผัก ผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัวที่อุดมไปด้วยลูทีน และซีแซนทีน ไม่ว่าจะเป็นบร็อกโคลี แครอท คะน้า จะช่วยเสริมสร้างการมองเห็น บรรเทาอาการตาแพ้แสง ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของจอประสาทตา รวมถึงลดโอกาสการเกิดโรคตาบางอย่าง เช่น โรคต้อ

ไลโคปีน

ไลโคปีนหรือสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในผัก ผลไม้สีแดง ส้ม เหลือง เช่น มะเขือเทศ แตงโม มะละกอ มีคุณประโยชน์ไม่เพียงช่วยในเรื่องการบำรุงผิวพรรณ ให้ดูกระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์ ยังเป็นสารที่อยู่ในผลไม้บำรุงสายตา พร่ามัว ช่วยลดโอกาสการเป็นต้อกระจก การอักเสบที่เยื่อบุตา ลดความเสี่ยงการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม  อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการมองเห็นตอนกลางคืนอีกด้วย