สาวๆ เคยไหมตื่นมาตอนเช้ามองหน้าตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่า ทำไมใต้ตาดำขนาดนี้นะ! ทั้งที่นอนก็เยอะ ทาอายครีมบำรุงก็แล้ว พยายามดูแลรอบดวงตาก็แล้ว รอยคล้ำใต้ตา เกิดขึ้นได้อย่างไร สามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง รวมไปถึงบางคนอาจจะจะเข้าใจผิดระหว่างใต้ตาดำ กับ ใต้ตาลึก ซึ่งจะถูกอธิบายในบทความนี้ค่ะ
ลักษณะอาการใต้ตาดำ หรือรอยคล้ำใต้ตา ที่ถูกเข้าใจผิดบ่อยๆ
- ใต้ตาดำ รอยคล้ำใต้ตา
ผิวบริเวณใต้ดวงตาเป็นสีแดงหรือดำชัดเจน หรือที่สาวๆชอบเรียกว่าตาแพนด้า หลายคนเข้าใจว่าเกิดจากการอดนอนเพียงอย่างเดียว แต่ที่จริงแล้วมีหลายปัจจัยมากกว่านั้น การเกิดรอยคล้ำใต้ตามักจะส่งผลต่อความมั่นใจ อาจมีคนทักว่าอดนอน หรือทำให้ดูโทรมกว่าปกติ - ใต้ตาลึก เป็นร่องใต้ตา
ผิวบริเวณใต้ดวงตาลึกบุ๋มลงไป หรือมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมใต้ตา ส่วนมากเรียกว่า ‘ร่องน้ำตา’ ทำให้บริเวณนั้นดูมีสีเข้มหรือคล้ำกว่าพื้นผิวส่วนอื่น เห็นชัดเจนมากน้อยแล้วแต่บุคคล การดูแลตัวเองไม่สามารถช่วยให้ ใต้ตาลึก หรือร่องใต้ตาดีขึ้นได้ ต้องอาศัยการแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยในปัจจุบัน ที่สามารถเติมให้พื้นผิวบริเวณที่ลึกกลับมาเต็มตื้นได้ ลักษณะใต้ตาลึก ร่องใต้ตามักจะส่งผลตามความมั่นใจได้เหมือนกัน ดูเหนื่อยล้า อิดโรยไม่สดใส บางทีอาจดูเหมือนคนเพิ่งร้องไห้มา
ใต้ตาดำ รอยคล้ำใต้ตา เกิดขึ้นได้อย่างไร
- กรรมพันธุ์
เป็นกรรมพันธุ์ที่ถูกถ่ายทอดมา หลีกเลี่ยงได้ยาก อาจจะเป็นมาตั้งแต่เด็ก - เป็นภูมิแพ้
อาการภูมิแพ้ จะส่งผลให้เส้นเลือดบริเวณใต้ตาขยายตัว ทำให้เห็นสีคล้ำบริเวณใต้ตาชัดขึ้น - แพ้สาร
บางคนอาจะแพ้สารเคมีที่เป็นส่วนผมของครีมหรือเครื่องสำอางค์ต่างๆ เช่น อายครีม อายแชร์โดว์ ทำให้เกิดการอับเสบของผิวบริเวณใต้ดวงตา - ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ
ส่งผลให้เส้นเลือดบริเวณรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวก เส้นเลือดดำจึงขยายตัวมากขึ้น เราจึงเห็นเป็นใต้ตาดำ รอยคล้ำใต้ตา
ใต้ตาดำ รอยคล้ำใต้ตา สามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง
- การทาอายครีมหรือเซรั่มบำรุงต่างๆ
เห็นผลมากน้อยหรือไม่เห็นผลเลยก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและปัญหาของแต่ละคนด้วย แต่การทาครีมก็อาจจะมีความเสี่ยงที่เราจะแพ้สารที่เป็นส่วนผสมของครีมนั้นๆ ซึ่งอาจจะทำให้ใต้ตาดำหนักขึ้นกว่าเดิมก็เป็นไปได้
- หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
ตัวอย่างเช่น ฝุ่นละออง ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ อาหารที่แพ้ ยิ่งในกรณีที่คนไข้เคยตรวจและรู้ดีถึงสารที่แพ้อยู่แล้ว ก็จะทำให้สามารถเซฟตัวเองได้มากขึ้น
- ประคบรอบดวงตาด้วยถุงชา แตงกวา
เชื่อว่าทุกคนต้องเคยใช้วิธีนี้กันมาบ้าง เพราะเราสามารถหาได้ง่าย และวิธีใช้ก็ง่ายเช่นกัน
– ถุงชา ใช้ถุงชาที่ชงแล้วมาบิดให้แห้ง และนำมาวางบริเวณดวงตาทั้งสองข้าง และทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที ทำต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
– แตงกวา เพียงนำแตงกว่ามาหั่นเป็นแว่น นำไปแช่ตู้เย็น แล้วมาวางบริเวณดวงตาทั้งสองข้าง แตงกวาจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการบวม ลดความหมองคล้ำได้บ้าง
- ใช้คอนซีลเลอร์ หรือคอลเลคเตอร์ ปกปิดรอยคล้ำใต้ดวงตา
เพื่อช่วยกลบรอยคล้ำใต้ดวงตา แต่วิธีนี้ไม่ถาวรและอาจจะต้องใเสียเวลาในการแต่งและล้างหน้าในทุกวัน
– คอนซีลเลอร์ เราสามารถเลือกซื้อคอลซีลเลอร์ในเฉดสีที่ขาวกว่าผิวของเรา 1 เฉดสี ทาบริเวณใต้ตาโดยอาจใช้นิ้วหรือฟองน้ำเกลี่ยเพื่อให้คอนซีลเลอร์ กลืนไปกับผิวบริเวณใต้ตา
– คอลเลคเตอร์ คอลเลคเตอร์จะมีหลายสี ต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับแต่ละปัญหาผิว บางปัญหาใช้แค่คอนซีลเลอร์อาจไม่เพียงพอ เช่น สีเหลือง ใช้ปกปิดรอยเส้นเลือดฝอย สีส้ม ใช้กลบความหมองคล้ำ สีชมพู ใช้กลบรอยคล้ำใต้ตา
ใต้ตาลึก เป็นร่องใต้ตา เกิดขึ้นได้อย่างไร
- อายุ
ริ้วรอยตามธรรมชาติเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดร่องบริเวณใต้ตา เมื่ออายุมากขึ้นผิวจะบางลง ไขมันและคอลลาเจนที่จำเป็นในการรักษาความยืดหยุ่นของผิวจะหายไป เกิดความหย่อนคล้อยของช่วงแก้มลงมา ทำให้เห็นเป็นร่องใต้ตา - พันธุกรรม
อาจเป็นลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดมาจากคนในครอบครัว สามารถเป็นได้ตั้งแต่วัยเด็ก และอาจเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีอายุมากขึ้น - การลดน้ำหนัก หรือออกกำลังกายที่หักโหมจนเกินไป
บางคนออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป หรือลดน้ำหนักแบบรวดเร็วมากๆ อาจส่งผลให้ไขมันบริเวณใต้ดวงตาลดลงจนเกิดเป็นร่องลึกบริเวณใต้ดวงตา ในกรณีนี้อาจเจอไม่เยอะ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนกัน
ใต้ตาลึก เป็นร่องใต้ตา สามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง
- Filler (ฟิลเลอร์)
เป็นสารเลียนแบบมาจากสารที่มีในเซลล์ผิวของเราตามธรรมชาติ เป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง มีหลากหลายโมเลกุล สามารถฉีดเพื่อเติมเต็มเสริมส่วนที่ขาด หรือปรับรูปหน้า ขึ้นรูปทรงได้ตามต้องการ ส่วนใหญ่จะนิยมฉีดบริเวณ ขมับ ใต้ตา แก้ม ร่องแก้ม ปาก คาง เพิ่มเสริมมิติให้ใบหน้าละมุนขึ้น ไปจนถึงกรอบหน้าเพื่อช่วยในการยกกระชับ ในกรณีคนไข้มีใต้ตาลึก หรือเป็นร่องลักษณะครึ่งวงกลมใต้ตา หรือที่บางคนเรียกว่า ‘ร่องน้ำตา’ ก็สามารถฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา เพิ่มเติมให้ร่องลึกต่างๆนั้นเต็มตื้นใกล้เคียงผิวบริเวณรอบข้างได้ การฉีดฟิลเลอร์เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเพราะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่หลังทำทันที อยู่ได้นานเป็นปี หลังทำสามารถใช้ชีวิตไปเรียน ไปทำงานได้ตามปกติ ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
- การผ่าตัดย้ายไขมันปิดร่องน้ำตา
เป็นการผ่าตัดที่คล้ายกับการ ผ่าตัดดูดไขมันกำจัดถุงใต้ตา แตกต่างกันตรงที่วิธีนี้เราจะย้ายไขมันจากใต้ตา มาเติมเต็มบริเวณที่เป็นร่องน้ำตา ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินแนวทางในการผ่าตัดว่าคนไข้เหมาะกับวิธีไหน
- ฉีดไขมันหน้า (Fat transfer)
เทคนิคนี้เป็นการนำไขมันจากต้นขาหรือหน้าท้องของตัวคนไข้เอง มาฉีดบริเวณร่องลึกใต้ดวงตา เหมาะกับคนที่มีร่องตาลึกและกว้าง แต่การใช้ไขมันไปเติมเต็มนั้นจะคงอยู่ได้สั้น พูดง่ายๆคือสลายไปรวดเร็วกว่าการฉีดฟิลเลอร์ และการสลายตัวของเซลล์ไขมันแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก ขึ้นอยู่กับธรรมชาติร่างกายและการดูแลตัวเองของแต่ละคน ต้องอาศัยการกลับมาฉีดซ้ำบ่อยหน่อยในช่วงแรก หลังจากนั้นถึงจะค่อยๆอยู่ได้นานขึ้น การฉีดไขมันสามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า เช่น หน้าผาก ขมับ ใต้ตา แก้ม ร่องแก้ม แต่จะมีข้อจำกัดในบางบริเวณ เช่น ปาก และคาง เพราะว่าบริเวณดังกล่าวต้องใช้การปั้นทรงร่วมด้วย ฟิลเลอร์จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ทั้งนี้การฉีดไขมันบริเวณใบหน้าจะใช้เวลาในการพักฟื้นนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ ในช่วงแรกส่วนมากมักจะมีอาการบวมเปล่ง และอาจะเขียวช้ำบ้างในบางคน
การฉีดไขมันทั่วหน้า จะควบคุมปริมาณยากกว่า filler นอกจากจะสลายแล้ว บางตำแหน่งอาจมีการเจริญเติบโตมากขึ้นกว่าเดิมได้ มีโอกาสเกิดเป็นก้อนแข็งๆ บางครั้งก็ทำให้ดูเหมือนเป็น ถุงใต้ตา นูนขึ้นมาได้
การใส่ใจสุขภาพทั้งภายในและภายนอกเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม อีกทั้งในปัจจุบันก็มีนวัตกรรมที่ทันสมัยมากมายที่สามารถช่วยเราได้และสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว คนไข้แต่ละคนปัญหาอาจแตกต่างกันออกไป แพทย์ก็อาจใช้วิธีในการรักษาแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม หากไม่มั่นใจว่าเราควรรักษาด้วยวิธีไหน คนไข้สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาให้ผิวสวยอยู่คู่กับคนไข้ไปนานๆ ค่ะ