การทำตาสองชั้นนอกจากจะเรื่องความสวยงามแล้วหนังตาตก หย่อนคล้อยลงมาจะทำให้ดูแก่ ดูมีอายุมากขึ้น และบางครั้งหนังตาตกที่มาบังการมองเห็นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมาทำตาสองชั้นอีกด้วย ศัลยกรรมทำตาสองชั้นจึงเป็นหนึ่งในศัลยกรรมที่ทำมากที่สุด แต่การทำตาสองชั้นนั้นมีหลายวิธีมากมาย แล้วเราเหมาะกับแบบไหน แบบไหนดีกว่า? ซึ่งจริงๆแล้วทุกวิธีการทำตาสองชั้นมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุดเหมาะกับทุกคน ศัลยแพทย์ที่ดีควรจะสามารถทำตาสองชั้นได้ทุกวิธี และเลือกวิธีที่ดีที่สุดที่เหมาะกับแต่ละคน เรามาดูกันว่าการทำตาสองชั้นมีกี่วิธี วิธีไหนบ้าง แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
การ ทำตาสองชั้น วิธีต่างๆ ในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน การทำตาสองชั้น มีหลากหลากวิธีและเทคนิคที่แตกต่างกันออกไปตามความถนัดของจักษุแพทย์แต่ละท่าน และตามความเหมาะสมกับดวงตาของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการทำตาสองชั้นในผู้หญิงหรือทำตาสองชั้นในผู้ชาย การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับลักษณะของดวงตาเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญมาก เรามาดูกันว่าการทำตาสองชั้นสามารถทำวิธีใดได้บ้าง และแต่ละวิธีเหมาะกับลักษณะดวงตาแบบไหน
การทำตาสองชั้น วิธีเลเซอร์
ใช้เลเซอร์ที่มีชื่อว่า Plexr (เพล็กเซอร์) คุณสมบัติคือใช้คลื่น plasma ให้ผิวหนังบริเวณเปลือกตาส่วนที่หย่อนคล้อยหายไป เหมาะกับคนที่ตาสองชั้นอยู่แล้ว แต่มีหนังตาหย่อนคล้อย หนังตาตก เล็กน้อย และยังไม่อยากผ่าตัด โดยไม่ต้องกลัวเรื่องรอยแผลเป็น หรือผลข้างเคียงอื่นๆ ไม่ทำอันตรายกับเนื้อเยื่อหรือบริเวณข้างเคียง สามารถทำได้กับทุกสภาพสีผิว
พลังงาน Plasma จะแตกต่างจากพลังงานเลเซอร์ (พลังงานเลเซอร์จะพลังงานสูง ลงลึก ทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่ายกว่า) Plasma จะให้ความร้อนที่ผิวหนังที่เพียงประมาณ 60 องศาเซลเซียส แต่สามารถทำให้ผิวหนังส่วนที่ตกหรือที่หย่อนคล้อยไม่มากหายไปได้ และเกิดเป็นชั้นตา
การทำตาสองชั้น วิธีเลเซอร์ เหมาะกับใคร
1. คนที่มีชั้นตาอยู่แล้ว แต่มีหนังตาตกหรือหย่อนลงมาเล็กน้อย เพราะตัว Plexr สามารถจี้เก็บหนังตรงชั้นตา ทำให้ชั้นตาชัดขึ้นได้
2. คนที่ยังไม่อยากผ่าตัด
ข้อดีของการทำตาสองชั้นวิธีเลเซอร์ |
---|
1. ยังไม่อยากผ่าตัด กลัวการผ่าตัด 2. มีโรคประจำตัวที่ทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้ |
ข้อเสียของการทำตาสองชั้นชั้นวิธีเลเซอร์ |
---|
1. ข้อจำกัดคือคนที่มีตาชั้นเดียวแล้วต้องการมีตาสองชั้น เลเซอร์จะไม่ได้ผลดี 2. เปรียบเทียบกับการผ่าตัดทำตาสองชั้นแล้ว การทำตาสองชั้นวิธีผ่าตัดจะได้ผลดีและสวยงามกว่า |
การทำตาสองชั้น แบบเย็บ 3 จุด (Suture Technique)
คือการทำตาสองชั้นโดยไม่ต้องกรีด จะใช้วิธีเย็บชั้นที่เปลือกตาโดยเจาะเป็นรูที่เปลือกตา 3 จุด ไม่เป็นแผลกรีด เป็นวิธีการทำตาสองชั้นที่นิยมทำกันมากวิธีหนึ่ง เหมาะกับเคสที่มีตาชั้นเดียว หนังตาและไขมันไม่หนา ไม่หย่อนคล้อย เวลาหลับตาจะเนียนไม่เห็นแผล แต่ต้องระวังในเรื่องของชั้นตาที่อาจจะหลุดง่าย และการเย็บทะลุเปลือกตา
การทำตาสองชั้น แบบเย็บ 3 จุด เหมาะกับใคร
1. คนที่มีตาชั้นเดียว โดยที่หนังและไขมันบริเวณเปลือกตาไม่หนา
2. วัยรุ่น หรือคนที่ผิวบริเวณเปลือกตาไม่หย่อนคล้อย
ข้อดีของการ ทำตาสองชั้น แบบเย็บ 3 จุด |
---|
1. ไม่เห็นรอยแผลเป็น การทำตาสองชั้นวิธีนี้ เมื่อแผลติดดีรอยแผลจะไม่ค่อยเห็น เนื่องจากรูเล็กมาก 2. การทำตาสองชั้นวิธีนี้อาจจะบวมน้อย เพราะเป็นแค่การเย็บ 3 จุด จะกระทบเนื้อเยื่อบริเวณเปลือกตาน้อยมาก (แต่อาจไม่แตกต่างจากการทำตาสองชั้นวิธีกรีดแผลเล็กมากๆ ในศัลยแพทย์ที่ชำนาญ) |
ข้อเสียของการ ทำตาสองชั้น แบบเย็บ 3 จุด |
---|
1. ชั้นตาหลุดง่าย (โดยเฉพาะในคนที่เปลือกตาหนาๆบวมๆ มีไขมันมาก) เพราะเป็นแค่การเย็บ 3 จุด ไม่ได้ตัดหนังตาส่วนเกินออก พอหนังตาส่วนเกินตกลงมามากขึ้นจะทำให้เกิดแรงดันตัว ทำให้ไหมที่เย็บไว้หลุดออก 2. ทำชั้นตาใหญ่ไม่ได้มาก (โดยเฉพาะในคนเปลือกตาเยอะๆหนาๆ) 3. นานๆไปตาสองชั้นที่ทำไว้ค่อยๆเลื่อนเล็กลงๆ 4. เอาไขมันออกได้น้อย ในคนที่เปลือกตามีไขมันเยอะ การทำตาสองชั้นวิธีนี้จะเอาไขมันออกได้ไม่มาก (เมื่อเทียบกับการกรีด) |
การทำตาสองชั้น แบบแผลเล็ก (Small Incision Technique)
เป็นการทำตาสองชั้น โดยกรีดแผลที่เปลือกตาขนาด 3-5 mm (แล้วแต่เทคนิคของศัลยแพทย์แต่ละท่าน) ในกรณีคนไข้มีปริมาณหนังตาและไขมันที่เปลือกตาไม่มากเกินไป ก็จะสามารถทำตาด้วยเทคนิคแผลเล็กได้ เป็นการผ่าตัดที่รบกวนต่อเนื้อเยื่อเปลือกตาน้อย ทำให้การบวมหลังผ่าตัดน้อยมาก
การทำตาสองชั้น แบบแผลเล็ก เหมาะกับใคร
1. คนที่ปริมาณหนังตา และไขมันบริเวณเปลือกตาไม่มากเกินไป
2. วัยรุ่น หรือคนที่ผิวบริเวณเปลือกตาไม่หย่อนคล้อย
ข้อดีของ การทำตาสองชั้น แบบแผลเล็ก |
---|
1. รอยแผลเป็นเล็ก หายง่าย เพราะเป็นแค่การกรีดแผลบริเวณเปลือกตาเพียง 3-5 mm หลังจากชั้นตายุบตัวเข้าที่ แผลสมานเรียบร้อยแล้วจะแทบไม่เห็นรอยแผลเป็นเลย จะเป็นเหมือนรอยพับชั้นตาตามธรรมชาติ 2. ใช้เวลาในการผ่าตัดน้อย รบกวนเนื้อเยื่อบริเวณเปลือกตาน้อยมาก อาการบวมช้ำจึงน้อยไปด้วย ยุบเร็ว เข้าที่เร็ว (เมื่อเทียบกับทำแผลใหญ่) หลังทำแทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ 3. เหมาะกับคนอายุน้อยๆ ที่มีหนังตาไม่มาก เปลือกตาไม่หนามาก เพราะวิธีนี้จะไม่ได้เอาหนังตาส่วนเกินออก 4. สามารถทำตาสองชั้นและเอาไขมันออกได้ มากกว่าการเย็บ 3 จุด |
ข้อเสียของ การทำตาสองชั้น แบบแผลเล็ก |
---|
1. คนที่มีหนังตาตกมาก หนังตาจะตกมาปิดหลังจากยุบบวม ชั้นจะเล็กลง หรือยังมีหนังตาย้อยลงที่หางตา 2. คนที่เปลือกตาหนามาก การทำตาสองชั้นวิธีนี้ ชั้นตาจะดูอูมๆกว่าปกติ เนื่องจากเป็นการทำตาสองชั้นโดยเย็บชั้นตาขึ้นไปให้สูงขึ้น โดยไม่ได้เอาผิวหนังและเนื้อเยื่อเปลือกตาส่วนเกินออก ดังนั้นหากเป็นคนที่มีหนังเปลือกตามาก หรือเคสสูงอายุที่มีความหย่อนคล้อยมากแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัดแบบกรีดยาวร่วมกับการตัดหนังตาส่วนเกินออกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและสวยงามกว่า |
การทำตาสองชั้น แบบแผลยาว
คล้ายกับการทำตาสองชั้นแบบแผลเล็ก แต่เป็นการกรีดแผลยาวขึ้น เพื่อให้สามารถเย็บชั้นตาได้ตลอดแนว โดยไม่ได้ตัดหนังตาส่วนเกินออก วิธีนี้ผลลัพธ์ไม่แตกต่างจากการทำแบบแผลเล็กแต่รอยแผลยาวกว่า บวมนานกว่า
การทำตาสองชั้น แบบแผลยาว เหมาะกับใคร
1. คนที่ปริมาณหนังตา และไขมันบริเวณเปลือกตาไม่มากเกินไป
2. วัยรุ่น หรือคนที่ผิวบริเวณเปลือกตาไม่หย่อนคล้อย
ข้อดีของการทำตาสองชั้น แบบแผลยาว |
---|
1. ลดโอกาสการเกิดหนังตาที่หางตาตกมากกว่าในแผลเล็ก (แต่ถ้าหนังตาตกเยอะมากก็เอาไม่อยู่) 2. การทำตาสองชั้นวิธีนี้ เป็นการกรีดแผลยาว จึงสามารถเอาไขมันออกได้มากขึ้น โดยเฉพาะในคนที่เปลือกตามีไขมันมาก ฝนเคสวัยรุ่นที่เปลือกตาไม่ได้มีความหย่อนคล้อยก็สามารถใช้เทคนิคนี้ได้ |
ข้อเสียของการทำตาสองชั้น แบบแผลยาว |
---|
1. มีอาการบวมช้ำมากกว่าและนานกว่าเมื่อเทียบกับการทำแบบแผลเล็ก รอยแผลยาวและเห็นได้ชัดกว่า 2. เหมือนข้อเสียในแบบแผลเล็ก ไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันและเปลือกตาหนามาก เพราะเทคนิคนี้สามารถเอาไขมันออกได้ในระดับนึง แต่ไม่ได้ตัดเอาหนังตาส่วนเกินออก ดังนั้นถ้าใช้วิธีนี้กับเคสที่มีหนังตาตก หรือมีความหย่อนคล้อยมาก หนังตาที่มีอยู่ก็จะตกลงมาปิดชั้นตา ทำให้เห็นชั้นตาไม่ชัดอยู่ดี |
การทำตาสองชั้น แบบกรีดยาวร่วมกับตัดหนังส่วนเกินออก
เป็นการทำตาสองชั้นแบบกรีดยาวเพื่อให้สามารถออกแบบชั้นตาได้ตลอดแนว วิธีนี้จะสามารถเอาไขมันส่วนเกินออก ตัดหนังตาส่วนเกินที่หย่อนคล้อยและลงมาบังชั้นตาออกได้ด้วย เป็นเทคนิคที่สามารถใช้ได้กับทุกวัย ไม่ว่าจะวัยรุ่น หรือกลุ่มคนสูงอายุ คนที่มีชั้นตาอยู่แล้วแต่รู้สึกว่ายังไม่ค่อยชัด ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้
การทำตาสองชั้น ร่วมกับตัดหนังตาส่วนเกินออก เหมาะกับใคร
1. เหมาะกับทุกเคส ทั้งวัยรุ่น และวัยที่มีความหย่อนคล้อย
2. คนที่มีหนังตาตก มีหนังตาและไขมันบริเวณเปลือกตามาก
3. คนที่มีชั้นตาอยู่แล้ว แต่อยากให้ชัดขึ้นอีก
ข้อดีของการทำตาสองชั้น ร่วมกับตัดหนังส่วนเกินออก |
---|
1. สามารถเก็บหนังตาส่วนเกินออกได้ แก้ไขหนังตาตกได้ดี รวมทั้งไขมันและกล้ามเนื้อเปลือกตาในคนที่เปลือกตาหนาๆ 2. การทำตาสองชั้นวิธีนี้ สามารถกำหนดรูปร่างแนวชั้นตาได้ตามความต้องการ 3. สามารถทำตาสองชั้นให้เห็นชัดเจนขึ้น โดยที่ยังดูเป็นธรรมชาติ เพราะไม่จำเป็นต้องเย็บชั้นตาที่ใหญ่มาก แต่ตัดหนังตาที่ตกบังชั้นตาออกไปเพื่อให้เห็นชั้นตาชัดขึ้น ต่างจากการทำตาสองชั้นแบบกรีดสั้นที่ไม่ได้ตัดหนังตาตกออกไป ทำให้ต้องเย็บชั้นตาที่สูงขึ้น ถ้าคนที่หนังตาตกมาก การเย็บชั้นตาที่สูงมากๆ จะทำให้ตาปรือ ลืมขึ้นไม่สุด รั้งๆ ได้ตาสองชั้นที่ชั้นตาใหญ่แบบไม่เป็นธรรมชาติ |
ข้อเสียของการทำตาสองชั้น ร่วมกับตัดหนังส่วนเกินออก |
---|
1. บวมมากกว่าและนานกว่าวิธีอื่นๆ เพราะเป็นการกรีดยาวจึงทำให้กระทบกับเนื้อเยื่อบริเวณเปลือกตามากกว่าแบบแผลเล็ก ใช้เวลาในการเข้าที่นานกว่า 2. แผลเป็นยาวตลอดแนวตา (เหมือนในแผลยาว) 3. ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า เนื่องจากมีการกรีดตายาว ต้องนำเอาไขมันและตัดหนังตาส่วนเกินออกด้วย แพทย์จึงต้องใช้เวลาในการผ่าตัดมากกว่าปกติ |
การทำตาสองชั้น เทคนิคซ่อนรอยแผล
การทำตาสองชั้นด้วยเทคนิคซ่อนรอยแผล คือ การทำตาสองชั้นด้วยวิธีการถักไหมชนิดพิเศษในลักษณะเป็นร่างแหไปตามเปลือกตาด้านใน โดยแพทย์จะใช้ไหมในการถัก 2 เส้นขึ้นไปตามความเหมาะสม ส่งผลให้ชั้นตาโค้งสวย ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะที่ inZ Clinic ดำเนินการโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากยิ่งใช้ไหมจำนวนหลายเส้น จะยิ่งเสริมความโค้งสวยของชั้นตา อีกทั้งยังเสริมความแน่นของชั้นตาให้มีความคงทนมากขึ้นอีกด้วย การทำตาด้วยเทคนิคซ่อนรอยแผลนี้มีความถาวรไม่ต่างจากเทคนิคกรีดยาว แต่ไม่มีแผลด้านนอก ไม่ต้องมีการตัดไหม หลังทำสามารถล้างหน้าแต่งหน้าได้เลย บวมน้อยเข้าที่เร็ว
การทำตาสองชั้น เทคนิคไร้รอยแผล
1. ผู้ที่มีหนังตาและปริมาณไขมันบริเวณเปลือกตาไม่มาก
2. ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น
2. ผู้ที่ต้องแต่งหน้าทุกวัน
ข้อดีของการทำตาสองชั้น เทคนิคซ่อนรอยแผล |
---|
1.ไม่มีแผลให้เห็น 2.ไม่ต้องตัดไหม 3.ไม่ต้องพักฟื้น 4.สามารถแต่งหน้าและทำความสะอาดใบหน้าได้เลยหลังทำ |
ข้อเสียของการทำตาสองชั้น เทคนิคซ่อนรอยแผล |
---|
ไม่เหมาะกับใครที่มีหนังตาและไขมันสะสมบริเวณเปลือกตามากหรือมีอายุ 60 ปีขึ้นไป |
การทำตาสองชั้น ร่วมกับ เปิดหัวตา
การเปิดหัวตา คือการผ่าตัดตกแต่งหนังตาที่ปิดบริเวณหัวตา เพื่อให้บริเวณหัวตาดูกว้างขึ้น เห็นชั้นตาบริเวณหัวตาชัดขึ้น รูปร่างตาดูยาวขึ้น ความโค้งของชั้นตาบริเวณหัวตาดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่หนังตาลงมาปิดบริเวณหัวตา ทำให้ตาดูเหล่ การเปิดหัวตานี้ก็จะช่วยได้ แต่หากคนใดที่มีมุมหัวตาที่เปิดอยู่แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเปิดหัวตา
การทำตาสองชั้นและเปิดหัวตาร่วมด้วย คุณหมอจะพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมในแต่ละคน ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการทำตาสองชั้นแล้วจะมีความจำเป็นต้องเปิดหัวตาร่วมด้วย
การทำตาสองชั้น ร่วมกับเปิดหัวตา เหมาะกับใคร
1. คนที่หนังตาลงมาปิดบริเวณหัวตามาก ทำให้ตาดูเหล่
2. คนที่อยากได้ชั้นตาใหญ่ แต่มีหัวตาปิด
ข้อดีการทำตาสองชั้นร่วมกับเปิดหัวตา |
---|
1. ตามีรูปร่างเรียวยาวขึ้น 2. ทำให้เห็นชั้นตาตั้งแต่บริเวณหัวตา (แล้วแต่ความต้องการส่วนบุคคล) 3. ในเคสที่มีระยะห่างระหว่างตาสองข้างมาก การเปิดหัวตาจะช่วยให้หัวตายาวขึ้น ใกล้จมูกมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาตาเหล่ได้ 4. ในเคสที่ต้องการชั้นตาใหญ่ แต่หนังที่หัวตาปิด การผ่าตัดเปิดหัวตาจะช่วยให้ชั้นตาเป็นธรรมชาติมากขึ้น |
ข้อเสียการทำตาสองชั้นร่วมกับเปิดหัวตา |
---|
1. อาจเกิดแผลเป็นที่บริเวณหัวตา ในช่วงแรกหลังทำจะเห็นรอยแผลบริเวณหัวตาชัดมาก ลักษณะจะเป็นขีดเส้นๆลงมาตรงบริเวณหัวตา แต่จะค่อยๆจางลงไปได้เอง ในบางเคสที่เป็นแผลนูนสามารถใช้การฉีดคีลอยด์ช่วยให้ยุบลงไปได้ 2. ต้องระวังการเปิดหัวตาที่มากเกินไป เพราะหากเปิดแล้วไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาปิดได้ นอกจากจะทำให้ตาดูไม่เป็นธรรมชาติแล้ว ก็อาจส่งผลกับการทำศัลยกรรมจมูกในอนาคต |
การทำตาสองชั้น ร่วมกับ ย้ายไขมันแก้ไขเบ้าตาลึก
การที่มีเบ้าตาลึกนั้น จะไม่สามารถทำตาสองชั้นธรรมดาทั่วไปได้ เพราะหลังทำจะไม่มีชั้นตา เบ้าตาจะยังลึกเหมือนเดิม การทำตาสองชั้นในคนที่เบ้าตาลึกนั้น คุณหมอจะต้องประเมินวิธีการที่จะแก้ไขเบ้าตาลึกในแต่ละคนแตกต่างกัน ซึ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียด เบ้าตาลึกเหมือนกัน แต่ละคนต่างกันคุณหมอจะเลือกใช้วิธีที่แตกต่างกัน
การทำตาสองชั้น ร่วมกับย้ายไขมันแก้ไขเบ้าตาลึก เหมาะกับใคร
1. คนที่เบ้าตาลึก หรือตาเป็นร่องบริเวณเหนือเปลือกตา
ข้อดี การทำตาสองชั้น ร่วมกับ ย้ายไขมันแก้ไขเบ้าตาลึก |
---|
1. ไขมันที่ย้ายมาเติม แพทย์จะเอาไขมันจากบริเวณใกล้เคียงในเปลือกตาของคนไข้เอง ย้ายมาใช้หนุนร่องลึกให้กลับมาเต็มตื้นมากขึ้น แน่นอนว่าเป็นเซลล์ไขมันจากร่างกายของคนไข้เอง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอนเพราะไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม ไม่มีอาการแพ้ ไม่มีผลข้างเคียง 2. หน้าเด็กขึ้น ปัญหาเบ้าตาลึกจะทำให้เราดูโทรม และแก่กว่าวัย หลังจากแก้ไขปัญหาตรงนี้ไป ใบหน้าเราจะกลับมาดูสดใสอ่อนเยาว์มากขึ้น |
ข้อเสีย การทำตาสองชั้น ร่วมกับ ย้ายไขมันแก้ไขเบ้าตาลึก |
---|
1. ไขมันที่ย้ายมาเติม แพทย์จะเอาไขมันจากบริเวณใกล้เคียงในเปลือกตาของคนไข้เอง ย้ายมาใช้หนุนร่องลึก1. บวมนานกว่าการทำตาสองชั้นแบบทั่วๆไป ใช้เวลาในการเข้าที่ช้ากว่า 2. ขึ้นอยู่กับไขมันของแต่ละคนว่ามีมากน้อยขนาดไหน เนื่องจากแพทย์จะเอาไขมันจากบริเวณด้านในเปลือกตาของคนไข้เอง จึงต้องขึ้นอยู่กับไขมันของคนไข้ด้วยว่ามีเหลือให้ย้ายมาหนุนร่องลึกได้มากน้อยขนาดไหน 3. ในรายที่เคยทำตามาก่อน แล้วแพทย์เอาไขมันออกไปมาก อาจทำให้ไม่เหลือไขมันให้ย้ายมากนัก |
ศัลยแพทย์แต่ละท่านอาจมีเทคนิคและความชำนาญที่แตกต่างกัน
ทำตาสองชั้นราคา
การทำตาสองชั้นที่ inZ Clinic โปรโมชั่นเริ่มต้นราคา 19,800 บาท ดูแลโดยทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้ด้านด้วยตาโดยเฉพาะ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำตาสองชั้น แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง กำจัดถุงใต้ตา เปิดหัวตา เปิดหางตา Foxy eyes ยกคิ้ว และยังมีเทคนิคเฉพาะ Big eye surgery ที่จะปรับให้ได้ดวงตากลมโตสดใสโดยไม่ต้องทำชั้นตาใหญ่ๆ เรียกได้ว่ายังคงความเป็นธรรมชาติ
ศัลยกรรมตาสองชั้น เหมาะกับใครบ้าง
การศัลยกรรมตาสองชั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรมเปลือกตา โดยสามารถทำเพื่อการรักษาหรือเพื่อเสริมความงามก็ได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือการมีตาสองชั้นที่สวยและดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นยังช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีหนังตาหย่อยคล้อยจนชั้นตาหาย ตาปรือหรือตาสองข้างไม่เท่ากันซึ่งเป็นอาการบ่งชี้ของภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือผู้ที่มีปัญหาหาบริเวณรอบดวงตาอื่น ๆ
ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจทำตาสองชั้น ควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อให้แพทย์ได้ทำการวินิจฉัยและเลือกแนวทางที่เหมาะสมว่าแต่ละคนควรจะทำตาสองชั้นวิธีไหนดี เพื่อทำเรามีดวงตาที่สวยและเพิ่มความมั่นใจให้กับเรามากยิ่งขึ้น
เทคนิคทำตาสองชั้นแบบสาวเกาหลี โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Inz Clinic
อินซ์คลินิกเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านจักษุ ศัลยแพทย์ทุกท่านเป็นจักษุแพทย์เฉพาะทาง มีความรู้ทางส่วนประกอบของเปลือกตาเป็นอย่างดี รวมไปถึงการศัลยกรรมรอบดวงตาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กำจัดถุงใต้ตา เปิดหางตา แก้ไขเย็บเอ็นตาล่างหย่อน จึงทำให้การทำตาสองชั้นกับจักษุแพทย์มีความปลอดภัยมากกว่า ทำให้ผลงานการผ่าตัดเป็นธรรมชาติ ลดโอกาสเกิดผลแทรกซ้อน และปลอดภัยสำหรับดวงตา
จุดเด่นในการทำศัลยกรรมตาสองชั้นที่ inZ Clinic
ผลการผ่าตัดทำตาสองชั้นขึ้นกับโครงสร้างรอบดวงตา ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดทำตาสองชั้น และศัลยกรรมรอบดวงตาอื่นๆ
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดทำตาสองชั้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัดก่อนการผ่าตัด ปัจจัยเหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการการผ่าตัด ดังนั้น ควรศึกษารายละเอียดในการเตรียมตัวก่อนทําตาสองชั้นให้ดีก่อนการผ่าตัดทำตาสองชั้น โดยสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1.งดอาหารเสริม วิตามิน C,E น้ำมันตับปลา สมุนไพร 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
2. หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลก่อน ถึงแม้การทำตาสองชั้นจะเป็นการผ่าตัดโดยใช้แค่เฉพาะที่ แต่เพื่อความปลอดภัยที่สุด
3. นอนหลับให้เพียงพอ ไม่ต้องงดอาหารก่อนผ่าตัดทำตาสองชั้น
4. เตรียมแว่นตากันแดดมาเอง เพื่อหลังผ่าตัดทำตาสองชั้นแล้วสามารถใส่ป้องกันฝุ่นละอองได้อีกด้วย
5. ถึงแม้หลังผ่าตัดทำตาสองชั้นจะไม่บวมมาก แต่ไม่แนะนำให้ขับรถกลับเองหลังผ่าตัด เพื่อความปลอดภัย
6.เตรียมวันหยุด ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้พักหลังผ่าตัดทำตาสองชั้น อย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อลดการใช้สายตาและมีเวลาประคบแผลมากขึ้น แผลจะหายเร็วขึ้น
การดูแลหลังผ่าตัดทำตาสองชั้น และศัลยกรรมรอบดวงตาอื่นๆ
อีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันในการผ่าตัดทำตาสองชั้น คือ การดูแลหลังการผ่าตัด เพราะถ้าหากผ่าตัดมาแล้ว ไม่ดูแลแผลหรือดูแลบริเวณรอบดูตาให้ดี ก็มีโอกาสที่ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดทำตาสองชั้นจะตามมา อาจจะส่งผลเสียต่อการผ่าตัดทำตาสองชั้น ดังนั้น หลังจากผ่าตัดทำตาสองชั้นเรียบร้อยแล้ว ควรปฏิบัติตามข้อต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. หลังผ่าตัด 48 ชั่วโมงแรก วางเจลประคบเย็นเพื่อให้หายเร็วขึ้นโดยใช้ผ้าก๊อซรองก่อน ระวังไม่ให้แผลเปียก ถ้ามีเลือดซึมสามารถใช้ผ้าก๊อซกดที่แผล ไม่ต้องแรง จนกว่าเลือดจะหยุดซึม
2. นอนศีรษะสูงกว่าปกติใน1-2 คืนแรกของการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม
3. ทำความสะอาดแผลวันละ 1-2ครั้ง โดยใช้ไม้พันสำลีสะอาดชุบน้ำเกลือ แล้วเช็ดคราบเลือดซึมบริเวณแผล
4. ป้ายยาฆ่าเชื้อแบบขี้ผึ้งที่แผลบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
5. ห้ามแผลโดนน้ำอย่างเด็ดขาด จะทำให้แผลติดเชื้อได้
6. หลังวันที่ 3 เป็นต้นไป หากมีรอยเขียวช้ำ ให้ประคบอุ่น (ระวังไม่ให้ร้อนเกินไป) ช่วยให้หายเร็วขึ้น สามารถสลับกับประคบเย็นได้เพื่อช่วยให้ลดบวมเร็วขึ้น ถ้าไม่มีรอยเขียวช้ำให้ประคบเย็นต่อไป
7. ยาละลายลิ่มเลือดหรือวิตามินที่หยุดกินก่อนผ่าตัด สามารถกินได้หลังผ่าตัด วันที่ 3 หรือเมื่อไม่มีเลือดออกซึมแล้ว
8. หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เหล้า ไข่ อาหารทะเล 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันแผลนูนคัน
9. กินยาฆ่าเชื้อจนหมดที่แพทย์สั่ง ยาแก้ปวดกินเฉพาะเวลามีอาการ
10. ออกไปข้างนอกให้ใส่แว่นตากันลมฝุ่น สิ่งสกปรก
11. มาตัดไหมตามนัด 5-7 วัน
สรุป
การทำตาสองชั้นแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ไม่มีวิธีใดดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มีวิธีที่ดีที่สุดของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ดังนั้นแพทย์ที่ผ่าตัดควรจะสามารถทำได้ทุกวิธีและเลือกวิธีที่สุดสำหรับแต่ละคน